ผลงานทางวิชาการ

ชื่อผลงาน : รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎี     คอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและ   การเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
เจ้าของผลงาน : นางสาวสุวณีย์ เจริญฤทธิ์
หมวดวิชา : ภาษาไทย
เอกสารดาวน์โหลด: 01_บทคัดย่อ คอนสตรัคฯครูสุวณีย์.pdf

ชื่อเรื่อง                รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎี    

                          คอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและ     

                          การเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒

ผู้ศึกษาค้นคว้า       นางสาวสุวณีย์   เจริญฤทธิ์

หน่วยงาน             โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต 

                         ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 

ปีที่พิมพ์               ๒๕๖๒

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 80/80

2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมทักษะ การอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๕ จำนวน 4๕ คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ภาคเรียนที่ ๒ ประจำปีการศึกษา 25๖๒ โรงเรียนเทศบาล บ้านบางเหนียว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน 7 ชุด 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน    ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริม ทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เป็นแบบปรนัย ชนิด 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน 15 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที (t-test) และ 4) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ จำนวน 7 แผน 17 ชั่วโมง

ผลการวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีประสิทธิภาพ 81.27/82.61 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80  แสดงว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ได้
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. 3. ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว   ที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ในภาพรวม    มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ตามเกณฑ์ของ บุญชม ศรีสะอาด (2545) โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21 ค่าเฉลี่ยของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 โดยที่รายการที่มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดคือ การออกแบบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทยตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา     ปีที่ ๒ มีขนาดที่เหมาะสม (X = 4.61, S.D. = 0.61) แปรความอยู่ในระดับมากที่สุด

    ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

ย้อนกลับ